ราชมงคลสุวรรณภูมิ ร่วมดำเนินโครงการบริการทางวิชาการแก่สังคมร่วมกับมูลนิธิพระดาบส ครั้งที่ 4/2568 ภายใต้โครงการสืบสานพระราชปณิธาน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฏาคม 2568 มูลนิธิพระดาบส ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ นำโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาดำเนินการจัดโครงการบริการทางวิชาการแก่สังคม ร่วมกับมูลนิธิพระดาบส ครั้งที่ 4/2568 ภายใต้โครงการสืบสานพระราชปณิธาณ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในชุมชน โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานในการเปิดโครงการ ภายในโครงการยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ของภาคีเครือข่าย ที่มีคุณค่าแก่ชุมชน อาทิเช่น บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง บริการตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย บริการหน่วยแพทย์และหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ รวมถึงการอบรมการเกษตร และการให้บริการอาหารจาก โรงครัวพระราชทาน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต ให้กับประชาชนในพื้นที่ชนบท
ในการนี้รองศาสตราจารย์ ดร.ประมุข อุณหเลขกะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ได้มอบหมายดร.ณรงค์ศักดิ์ แสงป้อม รองอธิการบดี พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย อรัญชัย คณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ พูลมา รองคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร และกองพัฒนาศึกษา นำนักศึกษานวัตกรจิตอาสาเข้าร่วมโครงการบริการวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี และในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ได้มอบรถเข็นคนสำหรับผู้ป่วย จำนวน 5 คัน ซึ่งเป็นผลงานจากนักศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม พร้อมทั้งให้บริการตัดผมฟรีทั้งชายและหญิง โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์เเละสถาปัตยกรรมศาสตร์ มีผู้มาใช้บริการจำนวน 64 คน ทั้งนี้ได้แจกยาหม่องสมุนไพรและน้ำมันเหลืองที่ทำจากไพรให้กับประชาชนในพื้นที่ไว้ใช้ประจำบ้านด้วย โดยมี นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ได้ร่วมมือกันให้การต้อนรับและสร้างความสุขให้กับชาวบ้าน ณ โรงเรียนวัดวังน้ำขาว อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้สอดคล้องกับพระราชดำริในการสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินี ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชนบท โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน